วันอังคารที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

CHEVROLET IMPALA HIP HOP STYLE BY CAR DANCE

หลังจากกอง บก. นั่งปรึกษาหารือกันอยู่พักใหญ่ว่าเล่มนี้จะมีทีเด็ดอะไรมาเสนอกัน จนที่สุดสรุปว่าหารถแนว HYDRAULICS สไตล์ HIP HOP มาเสนอบ้างคงจะดี อย่างน้อยจะได้เบรกความจำเจเดิม ๆ ลงบ้าง แถมความน่าสนใจก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน ซึ่งการตกแต่งแนวนี้เพื่อจุดประสงค์หลักคือ "ENTERTAIN"

ส่วนรถที่เรานำมาเสนอนั้น เป็นรถจากค่ายดังย่านพระราม 2 อย่าง "CAR DANCE" ซึ่งในกลุ่มที่เล่นรถ HYDRAULICS จะรู้ว่า ที่นี่แหละศูนย์รวมแห่งการตกแต่งสำหรับ GANGSTER โดยเฉพาะ และที่เด็ดสุดคือคุณหมู CAR DANCE ยอมเปิดกรุของป๋าเพื่อนำ IMPALA สุดหวงมาเผยโฉมให้ชมกัน
แรงดลใจในการทำรถคันนี้ ?
หลังจากเริ่มบทสนทนา ป๋า (คุณพ่อของคุณหมู CAR DANCE) เล่าถึงความเป็นมาของรถคันนี้ให้ฟังว่า "ในช่วงแรกไม่ได้คิดที่จะเล่นรถแนวนี้ แต่พอได้เห็นสื่อต่างประเทศ รู้สึกว่ารถประเภทนี้น่าเล่นดีเหมือนกัน อีกอย่างลูกชายชอบรถและเปิดอู่อยู่แล้ว เลยคิดว่าน่าจะทำรถส่วนตัวขึ้นมาใช้ดูสักคัน อย่างคันนี้ก็ใช้เวลาถึง 5 ปี กว่าจะออกมาสมบูรณ์แบบอย่างที่เห็น ซึ่งจุดประสงค์หลักแล้ว ทำออกมาเพื่อโชว์โดยเฉพาะ" ในต่างประเทศ รถประเภท "LOWRIDER" มาแรงมาก เพราะรถแบบนี้จะเป็นรถที่เขาทำเก็บไว้อย่างเดียว ไม่นำออกมาใช้งาน (เหมือนกับกลุ่มที่เล่นรถ CLASSIC ในไทย) อย่าง IMPARA คันนี้ คุณป๋าตั้งใจว่า สร้างรถออกมาเพื่อเป็นสีสันบนท้องถนน
ทำไมต้องเป็น IMPARA ? เนื่องจากในต่างประเทศนิยมเล่นรถ IMPARA กันมาก ประจวบเหมาะกับคุณป๋าได้ไปเจอรถ IMPARA ปี'70 (ต่างประเทศจะนิยมเล่นรุ่นปี'58-'62 แต่ในไทยสามารถหาได้เท่านี้) พอทำออกมา หลายคนได้เห็นแล้วรู้สึกชอบ จึงเกิดการรวมกลุ่มและหันมาทำเล่นกัน
กลุ่มที่เล่นรถแบบ HYDRAULICS ในอดีตจะมีการรวมตัวกันอยู่หลายกลุ่ม (ส่วนมากเป็นรถญี่ปุ่น) แต่ในปัจจุบันเหลือเพียงไม่กี่กลุ่มเท่านั้น ตอนนี้ถ้านับในทวีปเอเชีย เมืองไทยถือว่าเป็นรองญี่ปุ่นเท่านั้น อย่าง IMPALA คันที่นำเสนออยู่นี้ เริ่มจากจับบอดี้เดิม ในสภาพแบบว่า "เป็นซาก" มาชุบชีวิตใหม่ด้วยการทำสี จากนั้นนำไปเปลี่ยนเป็นเครื่องดีเซล แล้วนำมาติดตั้งชุด HYDRAULICS แบบ 4 ปั๊ม จากนั้นเป็นเรื่องของการเก็บรายละเอียดตามจุดต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ จนครบ ตามแนวทางการตกแต่งรถประเภทนี้ แต่รถ IMPALA ของป๋า ปกติจะไม่ค่อยไปเผยโฉมที่ไหน ถ้าออกเมื่อไหร่จะเป็นงานโชว์เท่านั้น เพราะค่าใช้จ่ายในการนำรถออกไปแต่ละครั้ง ค่อนข้างสูงพอสมควร มีสิ่งหนึ่งที่หลายคนอาจสงสัยนั่นคือ "งบประมาณในการทำ
เรื่องนี้ป๋าบอกเลยว่าหมดเยอะพอสมควร รวม ๆ แล้วน่าจะประมาณเกือบ 2 ล้านบาท เพราะค่าใช้จ่ายส่วนมากจะเป็นค่าของเท่านั้น เนื่องจากเรามีอู่ของตัวเอง ทำให้ลดงบประมาณในเรื่องค่าแรงลงไป ป๋ายังเล่าให้ฟังว่า "คนที่ไม่เล่นรถประเภทนี้อาจไม่รู้สึกอะไร แต่ใครก็ตามที่ได้เล่นแล้ว จะรู้สึกว่าหลงใหลในเสน่ห์ของมัน จริง ๆ แล้วคนที่อยากเล่นรถรุ่นนี้ก็มีเยอะ แต่ต้องถามตัวเองก่อนว่าเงินถึงไหม? อย่างตัวผมเอง ถ้าไม่มีอู่ก็คงไม่ไหวเหมือนกัน"
มีโครงการตกแต่งอะไรเพิ่มเติม? ประเด็นนี้ป๋าแสดงความคิดเห็นว่า "ค่อนข้างพอใจ" เท่าที่ออกมาตอนนี้ในส่วนของตัวถังค่อนข้างสมบูรณ์แบบ ที่เหลือก็คงจะมีเพียงเครื่องยนต์เท่านั้น เนื่องจากเครื่องเดิมกินน้ำมัน ทำให้ต้องตัดใจยกออกนำมาเก็บไว้ แล้วจัดการยัดเครื่องดีเซลลงไปแทน
การทำงานของรีโมตคุมชุด HYDRAULICS ?

ตัวรีโมตสำหรับควบคุมชุด HYDRAULICS มีฟังก์ชันการทำงานเช่นเดียวกับชุดควบคุมดั้งเดิม แต่ตัวรีโมตช่วยอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยให้แก่ผู้เล่น เพราะผู้เล่นสามารถยืนห่างจากตัวรถได้ตามระยะที่รีโมตส่งคลื่นไปถึง ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็น OPTION เสริมที่พัฒนามาจากอดีตการทำงานของระบบ HYDRAULICS?
หลักการทำงานของระบบ HYDRAULICS จะอาศัยไฟจากแบตเตอรี่จ่ายไปยังตัวปั๊ม เพื่อดูดน้ำมันผ่านวาล์วก่อนเข้าสู่กระบอก HYDRAULICS และปล่อยลงด้วยระบบวาล์วย้อนกลับสู่ถัง โดยฟังก์ชันการทำงานจะขึ้นอยู่กับว่าชุดปั๊มที่ติดตั้งเข้าไปนั้นเป็นแบบปั๊มเดี่ยวหรือปั๊มคู่ ซึ่งสามารถแยกการทำงานได้ดังนี้ปั๊มเดี่ยว ปั๊มคู่- ยกด้านหน้า - ยกด้านหน้า- ยกด้านหลัง - ยกด้านหลัง- ยกทั้งหมด - ยกทั้งหมด- โหลดกองพื้น - ตะแคงซ้าย - ตะแคงขวา - วิ่ง 3 ล้อ - โหลดกองพื้น - กระโดด สำหรับ IMPALA ของป๋าทำการติดตั้งชุด HYDRAULICS แบบ 4 ปั๊ม การทำงาน 10 ฟังก์ชัน มีรีโมตไร้สาย เป็นการทำงานอิสระ สามารถเต้น ยกเอียง ได้ตามความต้องการ ส่วนสนนราคาเริ่มต้นของการติดตั้งชุด HYDRAULICS อยู่ที่ 45,000 บาท เป็นต้นไป แล้วแต่อุปกรณ์ที่เจ้าของรถเลือกใช้
ข้อด้อยของระบบ HYDRAULICS ?
ในเมื่อระบบ HYDRAULICS มีจุดเด่นแล้ว เรามาดูถึงจุดด้อยของระบบนี้กันบ้างดีกว่า ...ประเด็นแรกคือ คนที่คิดจะเล่นกับระบบนี้ต้องเป็นผู้ที่มีใจรัก เหตุผลคือ การติดตั้งระบบ HYDRAULICS ต้องมีการดัดแปลงตัวถัง ซึ่งแน่นอนว่าการที่จะทำกลับให้เป็นสภาพเดิม ๆ นั้น คงไม่ใช่เรื่องง่าย และการขายต่อ ถ้าไม่ใช่ผู้ที่ชื่นชอบรถประเภทนี้ ราคาค่าตัวของรถจะค่อนข้างต่ำ...ประเด็นที่สอง ควรทำใจเรื่องอายุการใช้งานช่วงล่าง เพราะการทำงานของบู๊ชยางหรือลูกหมาก จะต้องรองรับการทำงานแบบ OVER LOAD ดังนั้น การทำงานต้องสั้นลงบ้าง (เป็นสัจธรรมอยู่แล้ว)

PurpleTiger...Pick up Low Rider

เรื่องราวของ Pick up Low Rider ยังมีมาให้ชมกันอีกคัน ซึ่งเป็นหนึ่งในรถที่มาร่วมงานมอเตอร์โชว์เช่นกัน คันนี้มาในโฉมของ Toyota Tiger ที่เน้นรูปลักษณ์ภายนอกดูโดดเด่นด้วยสีม่วง และองค์ประกอบบต่าง ๆรอบคันตามแบบ Low Rider Style
ในช่วงแรกที่ได้รถมา ทางคุณอาร์ม (เจ้าของรถ) เล่าให้ฟังว่า ใช้งานแบบธรรมดาทั่วไป ไม่คิดจะนำมาแต่ง แต่ด้วยความเคยชินที่ต้องคลุกคลีอยู่กับกลุ่ม Low Rider เพราะพี่ชายของเขาเล่นรถประเภทนี้อยู่ ทำให้เกิดซึมซับจนเริ่มรู้สึกว่ามันดี และสนใจที่จะทำบ้าง สุดท้ายเลยไม่พ้นหันหน้าเข้าหากัน และปรึกษาตามประสาพี่ ๆ น้อง ๆ ในที่สุดพี่ชายของเขาจึงพาไปพบกับผู้ชำนาญเรื่องรถ Low Rider อย่างคุณหมู Car Dance บทสรุปสุดท้ายจึงออกมาแบบที่เห็น

ตอนเริ่มต้น Project ดังกล่าว คุณอาร์มนำไปใส่ปั๊มเล่นแบบธรรมดา พร้อมดูว่ามีปัญหาตรงไหนรึเปล่า จนมั่นใจว่าใช้งานได้ตามปกติและไม่มีปัญหาแน่นอน ถึงเริ่มต้นสเต็ปต่อไป ด้วยการนำมาแต่งให้ดูสวยงาม ซึ่งในตอนนี้เล่นกับ Hydraulics แบบ 2 ปั๊ม ของ Pro Hopper ส่วน Ac. มีเฉพาะคู่หน้า ส่วนด้านหลังไม่ได้ใช้ Ac. เพราะ เน้นการเล่นกระโดดแบบ Hop… สำหรับการตกแต่งรถคันนี้ ช่วงแรกคุณอาร์มคิดว่าพอใจกับระบบ Hydraulics ชุดดังกล่าวแล้ว แต่พอได้เห็นรถคันอื่นที่มาร่วมแสดงในงาoมอเตอร์โชว์ รู้สึกว่าอยากทำเพิ่มให้ปั๊มแรงกว่านี้ จะได้กระโดดสูงกว่าเดิม เพราะตอนนี้รู้สึกว่ารถของตัวเองยังดูธรรมดาอยู่เลย ทั้งหมดนี้เป็นอีกหนึ่งสไตล์ของชาว Low Rider ที่ทีมงานนำมาให้สัมผัสกัน

ZG YARIS TURBO

ด้วยแนวคิดที่ว่า "Total Performance Solution" การผนวกความสปอร์ตและหรูหราเข้าด้วยกันจึงเกิดขึ้น ในร่าง COMPACT CAR ที่สามารถใช้งานจริงได้ในชีวิตประจำวัน พร้อมเพิ่มกำลังตอบสนองของเครื่องยนต์ให้เต็มประสิทธิภาพ เป็นอะไรที่มากกว่า COMPACT CAR ที่คุณเคยรู้จักทั่ว ๆไป เมื่อสัมผัสถึงแนวความคิดของโปรเจ็กต์นี้แล้ว ทีนี้ถึงคิวแจกแจงกรรมวิธีปรุงแต่งรถคันนี้ชนิด "หมดเปลือก" โดยเริ่มจากภายนอกกันก่อนเลยครับ


ZG YARIS CONCEPT


กว่าจะออกมาเป็นรูปเป็นร่างได้นับว่าต้องใช้เวลากันพอตัว ในการออกแบบคิดค้นเพื่อความสมบูรณ์แบบไร้ข้อบกพร่อง รวมทั้งยังตระหนักถึงหลักกลศาสตร์ไม่ให้ขาดในการออกแบบครั้งนี้ อาทิ ด้านหน้ามีการออกแบบกันชนหน้า (FRONT BUMPER) ใหม่หมด เริ่มจากชุดช่องกระจังหน้า (FRONT GRILLE) ถูกเรียบเรียงใหม่ให้เป็นช่องแนวนอน แบ่งออกเป็นสามช่องยาว และถัดลงมาด้านล่างในตำแหน่งเดียวกัน ถูกปรับแต่งใหม่ให้ช่องรับลมมีขนาดกว้างขึ้น และไม่มีอะไรมาขวางทางลม เพื่อการระบายความร้อนที่ดีให้กับอินเตอร์คูลเลอร์ที่วางอยู่ในตำแหน่งนั้น
แก้มข้าง (FRONT FENDER) จัดทรงใหม่หมด "ระเบิด" ออกรับแนวกันชนหน้า สร้างมิติเปลี่ยนทรง ในช่วงบริเวณหลังล้อหน้า ได้เพิ่มช่องอากาศระบายความร้อนของล้อ อีกทั้งยังช่วยเสริมมิติให้ตัวถังดูกว้างขึ้น เป็นแนวยาวลงมาจดกาบข้าง (SIDE STEP) และจับเป็นเส้นยาวไปถึงโป่งหลัง (REAR FENDER) ที่ย้ายมิติออกมารับกับกันชนหลัง (REAR BUMPER) ในส่วนของกันชนหลังออกแบบช่องไฟที่กันชนหลังเพิ่ม เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ในวิสัยทัศน์ที่คลุมเครือ ท้ายรถไม่เว้นว่าง เพิ่มสปอยเลอร์ท้าย เพื่อเพิ่มแรงกดด้านท้าย เพื่อสมรรถนะในการขับขี่

SPORTY INTERIOR


เนื่องจากเป็นคอมพลีตคาร์ ภายในจึงถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด เน้นตอบสนองการใช้งานของผู้ขับขี่ และ ออกแบบให้ภายในห้องโดยสารสปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยโทนสีแดงสปอร์ตเร้าใจ เลือกวัสดุหนังสีแดงสลับหนังกลับ ด้วยเบาะคู่หน้า BRIDE และคู่หลังในสไตล์บั๊กเก็ตซีต เพื่อเพิ่มความกระชับให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร พวงมาลัยออกแบบในบริเวณ "GRIP" โดยใช้หนังกลับที่จับแล้วกระชับมือ และเล่นโทนสีเดียวกับภายในทั้งหมด แผงประตูก็เช่นกัน ถูกออกแบบให้ไปในทิศทางเดียวกันโดยใช้หนังกลับสีแดง



1NZ - FTE (TURBO KITS)


เครื่องยนต์ 1NZ-FE จากบริษัทแม่ ถูกปรับแต่งเพิ่มสมรรถนะ โดยเรียกแรงบิดมาใช้ตั้งแต่รอบต่ำ ๆ เพื่อความเหมาะสมในการใช้งานประจำวัน โดยการเซ็ตชุด TURBO ของ IHI RHF5 เข้าไปกับเครื่องยนต์ตัวนี้ ชุดท่อไอดีสร้างใหม่จากสเตนเลสชั้นสูง เพื่อป้องกันการเป็นสนิมและทนความร้อนสูง และป้องกันรอยขูดขีดได้ดีเยี่ยม




ส่วนอินเตอร์คูลเลอร์ที่วางอยู่ในตำแหน่งช่องดักลมหน้านั้นใช้ขนาดใหญ่ เพื่อช่วยลดอุณหภูมิและเพิ่มความหนาแน่นอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังถูกออกแบบให้มีความดันศูนย์เสียต่ำ (BOOST LOSS) ทางด้านท่อร่วมไอเสีย หรือ "เฮดเดอร์" ดีไซน์เพื่อการไหลของไอเสีย สามารถรักษาอุณหภูมิและความเร็วเพื่อหมุนเทอร์โบให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยผลิตจาก DUCILE STEEL PIPE ที่มีประสิทธิภาพในการทนความร้อนสูง เพื่อประสิทธิภาพในความแม่นยำในการควบคุมอัตราบูสต์ จึงเลือกใช้เวสต์เกตประสิทธิภาพสูงมาเป็นตัวควบคุมแรงดัน ซึ่งการทำงานที่ประสานกันของเวสต์เกตและโบล์วออฟวาล์ว ที่ออกแบบให้สอดคล้องกับการทำงานของ ECU เดิมติดรถ จึงทำให้ระบบการจ่ายเชื้อเพลิงทำงานได้อย่างไม่มีปัญหา โดยปราศจาก "CHECK ENGINE"
TEIN SUSPENSION + E'SPEC BRAKE หลังจากสรุปลงตัวกับบอดี้และเครื่องยนต์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สิ่งถัดมาที่ต้องจัดการอย่างเร่งด่วน คือช่วงล่างและระบบเบรก ให้สมรรถนะรองรับกำลังของเครื่องยนต์ที่เพิ่มขึ้น ด้วยการเลือกแบรนด์ช่วงล่างระดับหัวแถวของญี่ปุ่นอย่าง TEINในรุ่น "BASIC DAMPER"

ระบบเบรกมีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องปรับแต่งให้ประสิทธิภาพสูงขึ้นตามกำลังของเครื่องยนต์ โดยเลือกใช้ของ E'SPEC เป็น Caliper Brake 4 Pot ควบคู่กับจานเบรกที่มีขนาดใหญ่กว่าของเดิมมาเป็นขนาด 320 มม. โดยเป็นชุดอะแดปเตอร์สำเร็จรูปเพื่อป้องกันการเสียหายจากของเดิมติดรถนอกจากระบบช่วงล่างที่สมบูรณ์แบบแล้ว ยังเพิ่มเติมเรื่องความแข็งของตัวถัง เพื่อการตอบสนองที่ฉับไวและแม่นยำด้วยผลิตภัณฑ์ของ S-U-MM-I-T RACING EQUIPMENTS ประกอบด้วย ค้ำโช้คหน้า-หลัง, ค้ำจุดยึดล่างหน้า 4 จุด และค้ำตัวถังล่างอีก 4 จุด



อีกหนึ่งความสำเร็จของ COMPLETE CAR ที่ผลิตออกมาเพื่อตอบสนองการใช้งานแบบคล่องตัว และมีประสิทธิภาพสูงกว่ารถในระดับเดียวกัน

วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

รวมรถแต่ง2

รวมรถแต่ง

เครื่องเสียง รถยนต์ Honda Civic สวย ขั้นเทพ โดย Berm Car Audio

เทคนิคการตกแต่งรถยนต์ "MR2 BORDER STYLE"


TOYOTA MR2 ของน้องนัท และน้องหลุยส์ จากทีม NON SENSE ที่มีรถสปอร์ตสวย ๆ อยู่หลากหลายคัน เอาเป็นว่าเราจะหาจังหวะเหมาะ นำมาเสนอกันทั้งทีมเลยดีไหม...

WHITE MR2 BORDER STYLE

สูตรสำเร็จของความสวยงาม ภายนอกคงหนีไม่พ้นชุดแต่งแอโรพาร์ทที่ประกอบเข้าด้วยกันอยู่หลายส่วน ตัวกันชนหน้า ฝากระโปรงหน้า สเกิร์ตข้าง กันชนหลัง เจ้าของรถ ได้เลือกใช้ของค่าย BORDER รอบคัน พร้อมกับโป่ง FRONT OVER FENDER และ REAR OVER FENDER เป็นไอเดียจากเจ้าของรถเอง ผสมผสานกับงานฝีมือของสำนัก YATT จึงออกมาสวยอย่างที่เห็น แต่การโป่งแบบนี้ ถ้าจะให้แนบสนิทสวยงามจึงต้องแก้ไขปรับแต่งสเกิร์ตข้างให้ขยายกว้างต่อ เนื่องเสมือนเป็นชิ้นเดียวกัน จากนั้นเพิ่มเติมแรงกดหน้าบริเวณมุมกันชนด้วย CANARS CARBON ด้านข้างเปลี่ยนกระจกมองข้างและช่องดักลมเข้ากรองอากาศ AIR SCOOP จาก BOMEX ด้านบนสปอร์ตด้วยหลังคาแก้ว T-BAR จากโรงงาน ไฟท้ายเปลี่ยนเป็นรุ่นเวอร์ชั่นสุดท้ายของบอดี้นี้ทรง "โดนัท" พร้อมหางหลัง GT WING CABON จาก SARD

ภายใน ไม่พลาดกับเบาะ+เกจ์วัด+เครื่องเสียง

เทรนด์การตกแต่งแบบรถสปอร์ต 2 ที่นั่ง กับห้องโดยสารพื้นจำกัด พร้อมอุปกรณ์ที่มีมาสำหรับการใช้งานพอสมควร จึงจำเป็นที่ค่ายแต่งต่าง ๆ ผลิตและผลักดันของแต่งมาสนองความสวยงามมีประโยชน์เป็นตัวเลือกเพิ่มเติมให้ กับรถที่คิดจะแต่งกันจริง ๆ ภายในของคันนี้มีการเปลี่ยนแปลงพอสมควร โดยพวงมาลัยก็เปลี่ยนตามเทรนด์ "ก้านยก" จาก NARDI เบาะคู่หน้าบั๊กเก็ตซีตจาก RECARO รุ่น RAPTOR ปลอดภัยด้วยสายเข็มขัดนิรภัยจาก ABELT.C หัวเกียร์ HKS หน้าปัดเรือนไมล์เปลี่ยนเป็นของ MR2 รุ่นเครื่องยนต์เทอร์โบ บนคอนโซลหน้าเรียงแถวด้วยเกจ์วัดจาก DEFI ครบชุด สำหรับวัดบูสต์เทอร์โบ วัดอุณหภูมิไอเสีย วัดอุณหภูมิน้ำ วัดอุณหภูมิน้ำมันเครื่อง วัดแรงดันน้ำมันเครื่อง และวัดแรงดันน้ำมันเชื้อเพลิง รวมทั้งเกจ์วัดแบบดิจิตอล VSD จากค่ายเดียวกัน TURBO TIMER จาก A'PEXi ส่วนตัวปรับบูสต์ยอดนิยมแบบไฟฟ้าจาก BLITZ รุ่น DUAL SBC จากนั้นอัพเกรดเครื่องเสียงด้วย HEAD UNIT จาก ALPINE CDA-7893R ลำโพงเสียงกลาง-แหลม จาก FOCAL ซับวูฟเฟอร์ขนาด 10 นิ้ว 1 ตัวหลังเบาะนั่งจาก DIGITAL RESEARCH เพาเวอร์แอมป์ 1 ตัว จาก DIGITAL RESEARCH รุ่น RVA-400.4

3S-GTE NON AIR FLOW METER

ตามสเป็กจากโรงงานโดยเฉพาะรุ่นที่มีหลังคาแก้ว T-BAR เครื่องยนต์ที่ประจำการในรุ่นนี้จะเป็นเครื่องยนต์ที่ไม่มีระบบอัดอากาศ อย่างเทอร์โบมาให้ เนื่องจากโครงสร้างโดยเฉพาะหลังคาแก้ว ในเรื่องของความปลอดภัยและแข็งแรงที่มีน้อยกว่าหลังคาแบบแข็ง แบบรถยนต์ทั่วไป แต่สำหรับคันนี้ได้เปลี่ยนเครื่องยนต์รหัสเดียวกัน แต่มีระบบอัดอากาศพ่วงมาด้วย 3S-GTE รุ่นที่ไม่ใช้แอร์โฟล์วมิเตอร์ในการวัดปริมาณไอดีก่อนเข้าห้องเผาไหม้แล้ว เป็นรุ่น NON AIR FLOW METER โมดิฟายเล็กน้อยด้วย BLOW OFF VALVE จาก GReddy TYPE R อินเตอร์คูลเลอร์ ชุดคิต ติดตั้งในตำแหน่งเดิม แต่จะมีขนาดที่ใหญ่และหนาขึ้นจาก TRUST ระบบจุดระเบิดรองรับอุณหภูมิได้สูงขึ้นจาก NIPPON DENSO แบบ IRIDIUM เบอร์ 8 สายหัวเทียน SPLITFIRE ระบบไอเสีย ชุดคิตอีกเช่นกันที่เจ้าของภูมิใจเสนอจากค่าย GARAGE SPL รุ่น DEPARTURE ซึ่งสำนักนี้ขึ้นชื่อในเรื่องของการโมดิฟายเครื่องยนต์ พร้อมชุดแต่งสำหรับ MR2 โดยเฉพาะระบบส่งกำลังแบบธรรมดา 5 สปีด รองรับแรงบิดเยอะขึ้นได้ด้วยชุดคลัตช์ของ TRD แบบ SINGLE PLATE

ช่วงล่าง TEIN +CUSCO ล้อหน้า-หลัง ความเหมือนที่แตกต่าง...

ช่วงล่างปรับเซ็ตตามการใช้งานในรูปแบบ STREET ด้วยโช้คอัพแบบสตรัทปรับเกลียวหน้าและหลังของ TEIN TYPE FLEX พร้อมตัวค้ำเบ้าโช้คอัพบนหน้า-หลังจาก CUSCO หนวดกุ้งหน้า FRONT TENSION ROD KIT จาก CUSCO ต่อจากนั้นอัพเกรดระบบเบรกคู่หน้ามาใช้ของรุ่น MR2 TURBO ที่มีขนาดใหญ่กว่า เข้าชุดกับล้อหน้าที่หน้าตาคล้ายกับล้อหลัง แต่พอลองมองกันจริง ๆ มันต่างค่ายกัน โดยล้อหน้าเป็นของ NISMO รุ่น LM GT4 ขนาด 17 x 8.5 นิ้ว ล้อหลังจาก BEE-R รุ่น B5 ขนาด 18 x 9.5 นิ้ว พร้อมกับยาง YOKOHAMA ADVAN NEOVA AD07 ขนาด 215/45 R17 และ 225/40 R18 มาต่อกันที่คันสีเหลืองเพื่อนซี้ทีมเดียวกัน....
ขอขอบคุณภาพประกอบและข้อมูลจาก http://www.siammotorist.com


เทคนิคการตกแต่งรถยนต์ ""สำหรับคอ EVO""


สายพันธุ์ Evolution รถยนต์ขับ 4 ที่มีตำนานความร้อนแรงของเครื่องยนต์ และสมรรถนะการยึดเกาะถนนเป็นเลิศ บัดนี้เดินทางมาถึงเจเนอเรชั่นที่ 10 แล้ว แต่ในบ้านเราคงต้องรออีกสักพัก เพราะเรื่องราคาของแต่งที่จะต้องยักย้ายถ่ายเทพันธุกรรมให้ครบสูตรสมบูรณ์ แบบนั้นแรงเอาเรื่องอยู่ ที่เห็นในบ้านเราก็จะมี EVO 9 ที่มีสาวกมิตซูฯ จับมาแต่งองค์ทรงเครื่องจากรถซีดานธรรมดาๆ ให้กลายร่างมาเป็นตัวโหดเหมือนกับเจ้า EVO 9 ลำเหลืองคันนี้



ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่า เวอร์ชั่น EVO 9 มีจำหน่ายทั้งหมด 4 รุ่นที่ประเทศญี่ปุ่นคือ MR ต่อมาเป็น GSR ก็คือตัวที่ทำขายทั่วไป รุ่นที่สามเป็น GT เหมือนกับ GSR แต่ใช้เกียร์ธรรมดา 5 สปีด และ RS ผลิตสำหรับเป็นรถแข่ง ไม่มีอุปกรณ์สวยงามหรืออำนวยความสะดวกแต่อย่างใด ภายนอกของ EVO 9 เมื่อดูเผินๆ เหมือนกันทุกอย่างกับ EVO 8 แต่มีการเปลี่ยนแปลงบ้างเล็กน้อยไม่ถึงกับทิ้งขาด

เจ้า EVO 9 คันนี้เป็นการกระโดดจากเวอร์ชั่น 8 แต่ถูกเก็บรายละเอียดได้เนียนมากๆ เพราะเจ้าของ (พี่หนุ่ม) เขาเน้นของแท้ตรงตามสเปกทุกชิ้น โดยเริ่มกันที่ชุดบอดี้พาร์ทรอบคัน EVO 9 กันชนหน้ามีช่องรับลมขนาดใหญ่และกว้างกว่าตัว 8 กันชนด้านหลังตรงชายล่างจะปาดมุมใส่ครีบระบายลม ทำเป็น Diffuserเพื่อจัดและรีดลมออกไม่ให้วนอยู่ด้านท้าย ถ้าเกิดมีลมวนจะทำให้เกิดการ “ดึง” ให้รถวิ่งช้าลง และทำให้ท้ายลอยได้อีก ที่สำคัญ “สวยดุ” อีกต่างหาก สปอยเลอร์หลังเป็นคาร์บอนไฟเบอร์เหมือนกับตัว 8 MR ส่วนที่พิเศษอีกจุดสำหรับ 9 MR นั่นก็คือ บนหลังคาจะมีครีบจัดลม หรือ “Blowtech Generator” ที่เขาว่าช่วยรีดลมจากหลังคาให้ออกไปด้านหลังได้เร็วขึ้น ลมไหลได้สะดวกขึ้นก็ช่วยลดการต้านลมได้เหมือนกัน คงงงๆ ว่าเวอร์ชั่น 8 กับ 9 ดูตรงไหน ง่ายนิดเดียวครับดูที่หน้ากระจังตัว 8 จะมีสันจมูก (ตรงที่ติดโลโก้) ส่วน 9 จะไม่มีจมูกตรงนี้ครับ


ภายในก็จะคงสไตล์ความดุดันไว้อย่างครบๆ ด้วยสีโทนเทา-ดำ ชุดมาตรวัดเป็นแบบทรงกลม พื้นดำ แต่พอเปิดไฟจะเป็นสีแดงสวยเร้าใจ แผงหน้าปัดตกแต่งด้วยลวดลายคาร์บอน แต่เบาะนั่งแบบ Bucket Seat ของ RECARO ในรถคันนี้ยังเป็นเวอร์ชั่น 8 อยู่ ถ้าเป็นตัว 9 จะเป็นแบบกำมะหยี่ สลับกับหนัง ALCANTARA อุปกรณ์ที่ใส่เพิ่มเข้าไปก็มี Timer HKS เครื่องเสียง ALPINE Touch Screen และ TEIN EDFC ตัวควบคุมการปรับระดับโช้กหน้าและหลัง

ด้านขุมพลังของ EVO ทุกรุ่นคงจะเป็นรหัสอื่นไปไม่ได้นอกจาก 4G 63 ซึ่งเป็นอาวุธเด็ดคู่บารมีมาตั้งแต่เวอร์ชั่นแรกเริ่มที่ขึ้นชื่อในด้านความ แรง อัตราเร่งอันยอดเยี่ยม มิหนำซ้ำยังขุนขึ้นอีกต่างหาก แรงม้าที่มีให้ใช้ 280 ตัว แต่เจ้าของไม่พอใจยัดท่อไอเสีย HKS High Power, Blow off Valve SQV ของ HKS, Clutch EXEDY Twin พร้อมทำการปลดพันธนาการ ECU ที่คุมความเร็วให้ขับเพียง 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมงออกให้ขับได้จนมิดไมล์ และทำการจูนกล่องใหม่เพื่อให้ได้ซึ่งอัตราเร่งที่ดีขึ้น

หนุ่มๆ ที่ชอบความแรงแบบตะกาย 4 เห็นเจ้า EVO 9 คันนี้แล้วคงน้ำลายหกกันเป็นแถวๆ เพราะความสวยที่มีติดตัวมาตั้งแต่เกิดของรถยนต์สายพันธุ์ Evolution มันช่างยั่วกิเลสให้อยากมีไว้ในครอบครองสักคัน ก่อนจะจบพี่หนุ่ม เจ้าของรถยังฝากบอกกับเรามาว่า การเล่นรถยนต์ตระกูลนี้ไม่ใช่จับอะไรมายัดเข้าไป แล้วเป็น EVO มันต้องหมั่นเพียรหาของแต่ง และทำให้มันสมบูรณ์แบบเป็น EVO แท้ทั้งคัน การเลือกของแต่งทุกอย่างต้องค่อยๆ ทำ เพราะทุกอย่างที่ได้มาต้องเป็นเนื้อคู่เท่านั้นครับเพราะ มีของไม่มีตังค์หรือมีตังค์ไม่มีของนั้นสำหรับคนรัก EVO สุดใจเท่านั้นจริงๆ ครับ
ข้อแนะนำสำหรับคนที่อยากทำหรืออยากขับแบบ นี้

01. ต้องทำความเข้าใจกับ MITSUBISHI ว่าเขาก็เป็นแบบนี้ (ราคาตก, อาการประจำ) ดูแลเป็นก็ง่ายไม่แพงอย่างที่คิด
02. หาช่างที่ไว้ใจได้มีความรู้จริง มีหลายท่าน (พวกอวดรู้ก็เพียบ) แก้ไขที่เดียวหายจะได้ไม่ท้อใจ
03. หาของแต่งตามกำลัง แต่แนะนำใช้ของแท้ดีกว่า
04. สุดท้ายไม่มี ไม่ได้ขับ ต้องศรัทธากับคำว่า LANCER EVOLUTION
05. แนะนำเวลาหาของแต่ง+อะไหล่ Evolution 08 9888 4435 GOLF---REVLIMIT---
ราคาของแต่ง
ฝากระโปรงหน้า EVO 9 ราคา 25,000 บาท
กันชนหน้า EVO 9 ราคา 27,000 บาท
ไฟหน้า EVO 9 ราคา 30,000 บาท
สปอยเลอร์ EVO 9 ราคา 12,000 บาท
กันชนหลัง EVO 9 ราคา 24,000 บาท
ไฟท้าย EVO 9 ราคา 15,000 บาท
กระจกหน้า-หลัง EVO 9 ราคา 26,000 บาท
กระจกประตูหน้า-หลัง EVO 9 ราคา 10,000 บาท

CBR 150 จาก Ride It รถจริงที่วิ่งได้



เห็นแบบนี้หลายๆคนเห็นครั้งแรกก็คงงงกันนะครับว่านี่คือรถยี่ห้ออะไร???? ไม่บอกหลายๆท่านคงไม่รู้ว่านี่คือ HONDA CBR 150 ..... โอ้ว...พระเจ้าช่วย ผมเห็นคันนี้ครั้งแรกก็นึกไปเลยว่าผมอยู่ในยุคแห่งโลกอนาคตเลยทีเดียวครับ ซึ่งรถคันนี้ก็ได้ถูกออกแบบมาในแบบของ Concept Bike ในสไตล์ City Bike ซึ่งออกแบบมาได้อย่างแปลกตามากทีเดียว

เอาละเรามาดูกันดีกว่าว่ารถคันนี้ได้ปรับแต่งอะไรไปบ้าง



มาที่กันที่ช่วงล่างกันก่อนนะครับ เพราะว่าเป็นเอกลักษณ์จากค่าย Ride It เลยทีเดียวสำหรับการออกแบบชุดไฟเบอร์ที่ทำจากไฟเบอร์กลาสและคาร์บอนไฟเบอร์แท้ๆ และการทำโช๊คอัพแบบนี้ ซึ่งหลายๆท่านคงได้เห็นผลงานจากการแต่ง YAMAHA SPARK 135 และ SUZUKI KATANA กันมาบ้างแล้ว ซึ่งสำหรับรถคันนี้มีโช๊คอัพทั้งหมด 15 ตัว(โอววววว) โดยในช่วงหน้านั้นมีโช๊คทั้งหมด 6 ตัว ใช้ของ Gazi โดยแยกเป็นแนวนอน 4 ตัว และแนวตั้งอีก 2 ตัว สามารถปรับสูงต่ำของโช๊คได้โดยการสไลด์จุดยึดเพื่อปรับความสูงและต่ำของตัวรถได้
ส่วนของยางหน้านั้นได้จับเอาล้อหลังของรถใหญ่อย่าง Super Four มาใส่ได้อย่างลงตัว และจานดิสก์หน้าของ DTD จำนวน 2 จานโดยติดตั้งแยกซ้ายขวา และใช้คาลิเปอร์ของ PN (พนมอะไหล่)



ในส่วนของล้อหลังซึ่งเป็นไฮไลท์ของรถคันนี้เลยก็ว่าได้ครับ ซึ่งเป็นการออกแบบล้อโดยไม่มีแกนล้อ ซึ่งสร้างใหม่โดยสั่งตรรงมาจากเยอรมัน ซึ่งทำให้รถคันนี้เป็นคันแรกของประเทศไทย และยังได้รับการกระซิบจากผู้ออกแบบรถคันนี้ว่าเป็นคันแรกของเอเชียที่นำมาใช้กับรถจริงๆ ส่วนของการขับเคลื่อนนั้นใช้สเตอร์หลังขนาด 120 ฟัน ซึ่งตัวสเตอร์เองนั้นทำหน้าที่เป็นจานเบรคหลังอีกด้วย โดยใช้คาลิเปอร์ของ PN อีกเช่นกัน ยางหลังนั้นเป็นยางขนาดขอบ 18 นิ้ว หน้ากว้าง 360 มม. ซีรีส์ 30 ของ Vee Rubber ซึ่งส่วนมากจะใช้ในรถ Custom Bike ซะเป็นส่วนใหญ่
ด้านโช๊คหลังก็ใช่ย่อย มีมาถึง 9 ตัว โดยมีข้างละ 4 ตัวและตรงกลางอีก 1 ตัว เรียกได้ว่าเป็นรถที่มีโช๊คเยอะที่สุดในประเทศไทยก็ว่าได้ สำหรับรถจากค่าย Ride It



และสำหรับรถคันนี้ขอย้ำครับว่า "ใช้งานได้จริง" ซึ่งทาง Ride It ผู้ผลิตรถคันนี้ก็เตรียมรถคันนี้ให้ทางนิตยสารต่างๆได้มาทดสอบขับขี่กัน เอาไว้หากว่าผมได้มีโอกาสได้ทดสอบแล้วจะมาเล่าให้ฟังกันอีกนะครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.mocyc.com

วันศุกร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2553

ประวัติรถยนต์โตโยต้า



โตโยต้า TOYOTAสัญลักษณ์ของโตโยต้า เป็นรูป ELLIPSE หรือวงรี 2 วง วางซ้อนกันเป็นรูปตัว T และล้อมรอบด้วยรูปวงรีขนาดใหญ่อีก 1 วง เป็นสัญลักษณ์ที่โตโยต้าเพิ่งออกแบบใหม่ขึ้น และเพิ่งนำมาใช้เป็นครั้งแรกเมื่อปลายปี 2532 นี่เอง รถโตโยต้าแบบแรกที่ติดสัญลักษณ์ตัวนี้คือ รถโตโยต้าเซลซิเออร์ (TOYOTA CELSIOR) ซึ่งเพิ่งออกตลาดในญี่ปุ่นเมื่อปลายปีนั้นเช่นกัน โตโยต้าอธิบายความหมายของตัวนี้ว่า

รูปวงรีเป็นรูปทรงทางเรขาคณิตซึ่งมีจุดศูนย์กลางหรือจุดโฟกัส 2 จุด โตโยต้านำรูปนี้มาใช้ เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ของการผนึกหัวใจ 2 ดวง เข้าด้วยกัน คือ รูปหัวใจของผู้ใช้รถ กับหัวใจของตัวสินค้า ส่วนพื้นที่ว่างซึ่งบรรจุอยู่ภายในวงรีวงใหญ่ หมายถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ซึ่งสามารถขยายตัวออกไปโดยไม่มีขอบเขต รถยนต์โตโยต้า เป็นผลผลิตของโตโยต้า มอเตอร์ คอร์พอเรชั่น (TOYOTA MOTOR CORPORATION) ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ผลิตรยนต์รายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นและใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกรองจากเจเนอรัล มอเตอร์ส คอร์พอเรชัน (GENERAL MOTORNCORPATION) และฟอร์มอเตอร์คัมปะนี (FORD MOTOR COMPANY) แห่งสหรัฐอเมริกาประวัติความเป็นมาของรถยนต์โตโยต้า สามารถย้อนหลังไปได้จนถึงปี 2472 อันเป็นปีที่นาย ซากิชิ โตโยด้า (SAKICH TOYODA) เจ้าของโรงงานผลิตเครื่องทอผ้า TOYODA AUTOMATIC LOOM WORKS ได้ขายสิทธิบัตรการผลิตเครื่องทอผ้าให้แก่บริษัท PLATT BROS แห่งประเทศอังกฤษในราคา 100,000) ปอนด์ และมอบให้ลูกชายของเขาคือ มร. คิชิดร โตโยด้า (MR.KICHIRO TOYODA) เป็นทุนรอนในการทดลองผลิตรถยนต์ รถยนต์แบบแรกที่ผลิตจากโรงงานเครื่องทอผ้าของโตโยต้าและนำออกจำหน่ายในตลาด เป็นรถยนต์นั่ง 4 ประตู เครื่องยนต์ 6 สูบ 65 แรงม้า ใช้แชสซีส์และระบบส่งกำลังของเซฟโรเลต์แห่งสหรัฐอเมริกา ออกสู่ตลาดเป็นครั้งแรกในปี 2479 มีอัตราการผลิต 5 คัน ต่อวัน หนึ่งปีหลังจากโตโยด้าจึงเริ่มการผลิตรถยนต์อย่างจริง ๆ จัง ๆ โดยก่อตั้งบริษัท TOYOTA MOTOR CO., LTD. ขึ้นด้วยเงินทุนประมาณ 3.5 ล้านเหรัยญสหรัฐและประกอบกิจการผลิตรถยนต์สืบต่อกันมาตราบจนปัจจุบันชื่อบริษัท: โตโยต้า มอเตอร์ คอร์พอเรชั่น(TOYOTA MOTOR CORPORATION)ก่อตั้ง: พ.ศ. 2480ประธานกรรมการ: มร.อีจี โตโยด้า(MR. EIJI TOYODA) ประธานบริหาร: มร. โชอิชิโร โตโยด้า(MR.SHOICHIRO TOYODA)สำนักงานใหญ่: 1, TOYOTA-CHO, TOYOTA CITY, AICHI PREFECTURE 471, JAPANโรงงานในญี่ปุ่น: 11 โรงงานโรงงานในต่างประเทศ: ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย นิวซีแลนด์ ไทย อินเดีย บราซิล เปรู ทรินิแดดและโตมาโก เวเนซูเอลา อุรุกวัย สหรัฐอเมริกา แคนาดา โปรตุเกศ แอฟริกาใต้ ฉซมเบีย คีนยา ซิมับเว บังคลาเทศ เอคัวดอร์ ไต้หวันเงินทุนจดทะเบียน: 133,200 ล้านเยน ธันวาคม 2530)จำนวนพนักงาน: 64,000โตโยต้า ล้านเยน (ธันวาคม 2530)เว็บไซต์

ประวัติรถยนต์ฮอนด้า



ฮอนด้า HONDA

ในแวดวงโรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้าเป็นทารก แต่ในหมู่สิงห์มอเตอร์ไวด์ฮอนด้าเป็นเสือผงาดแผดเสียงไปทั่วโลกที่ได้รับความนิยมชมชอบเป็นหนึ่ง จะเรียกเป็นหนึ่งเดียวก็ย่อมได้มิผิดเลย เมื่อฮอนด้าหันมาเล่นรถยนต์เขาก็เป็นหนึ่งในเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดายมิผิดเลยอีก เจ้าพ่อนายโซอิชอโร ฮอนด้า เป็นเสมือนเทวดาส่งมาเกิด จะทำมอเตอร์ไซด์หรือจะทำรถยนต์เขาดังระเบิดปังแล้วปังอีก มันดังสนั่นมิใช่ในเมืองญี่ปุ่นเท่านั้นแม้ฟ้าอเมริกาอันกว้างใหญ่ไพศาลนั้นดูแลแคบเกินไปสำหรับชื่อฮอนด้าของเขาไม่ว่าจะเป็นมอเตอร์ไซด์หรือรถยนต์ที่มันแผดดังไปทั่วทุกทิศ ฮอนด้า ฮอนด้า ฮอนด้า ใคร ๆ ก็รักและชอบเขาเผยโฉมรถฮอนด้าออกมาและตั้งแต่นั้นมาบริษัทฮอนด้าเป็นบริษัทสร้างรถยนต์หลังสงครามโลกครั้งที่สอง มียอดจำหน่ายเพิ่มมากขึ้นทุกปี ในปี 1970 รัฐบาลอเมริกาประกาศควบคุมควันพิษไอเสียของเครื่องยนต์ บริษัทฮอนด้าไม่รอช้าเข็นเจ้าหนู “ซีวิค” ที่มีระบบควบคุมเรื่องควันพิษได้ดีและมีประสิทธิภาพมากกว่ารถยนต์ยี่ห้ออื่นนั้นก็คือเครื่องยนต์ “ซีวีซีซี” มันดังยิ่งขึ้นทั่วอเมริกาเมื่อนักเขียนเรื่องรถยนต์ดัง ฮอนด้ามีพนักงาน 79,200 คน รายได้ปีละ 27,000 ล้านดอลลาร์ กำไร 572 ล้านดอลลาร์ บริษัทเริ่มตั้งเมื่อปี 1948 หุ้นเมื่อปี 1980 มีค่าเพิ่มขึ้นจาก 1,000 ดอลลาร์ เป็น 5,449 ดอลลาร์ในปี 1990 ได้แชมป์จำหน่ายมากที่สุดในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 1989 ทำให้ฮอนด้าเปลี่ยนเป็นยักษ์ใหญ่อันดับที่ 4 ของโรงงานผลิตรถยนต์อเมริกันในสหรัฐอเมริกา และเมื่อรวมฮอนด้าสร้างในสหรัฐอเมริกาและฮอนด้าอิมปอร์ตเข้าสหรัฐอเมริกาจากญี่ปุ่น ทำให้ฮอนด้าขายนำโตโยต้าและนิสสันด้วยการครองตลาดจากสหรัฐอเมริกามีส่วนแชร์ 7.6 เปอร์เซ็นต์ ไม่แต่จะนำตลาดในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น “ฮอนด้า” เมดอิน ยูเอสเอ” เป็นความภูมิใจของชาวซามูไรที่ไปทำชื่อเสียงในสหรัฐอเมริกา กลายเป็นรถอเมริกันอิมปอร์ตเข้าไปขายในญี่ปุ่นที่ชาวซามูไรต้องการนักหนาที่จะเป็นเจ้าของ มันล้ำหน้าฟอร์ดและจี เอ็ม. หายห่วงไปหลายห่วงเลย

นายโซอิชิโร ฮอนด้า ไม่เคยเรียนในมหาวิทยาลัย หรือแม้แต่เข้าใกล้ แต่เขามีสมญาว่า “เฮนรี่ ฟอร์ด ออฟ เจแปน” ต้นปี 1990 “ออโตโมติฟ นิวส์” เผยว่าแชมป์ประจำปี 1989 คือฮอนด้า แอคคอร์ด ขายได้มากถึง 362,707 คันที่จ่อมาอันดับสองคือฟอร์ด เอสคอร์ด ขายได้เป็นอันดับที่สาม 333,535 คันคือ จีเอ็ม คอร์วอดาและแบเรตตาขายได้ 326,006 คัน ฟาดอันดับที่สี่ และจีเอ็ม คาวาลิเออร์ เป็น อันดับที่ห้า ขายได้ 295,715 คัน จะเห็นว่าฮอนด้าเป็นเสือหนุ่มคึกคะนองขนาดไหน มันแข็งแรงไม่มีรถยนต์อเมริกันรุ่นไหนปราบลงได้ พอมองไปที่อันดับที่หกเป็นค่ายญี่ปุ่นอีก คือโตโยต้า แคมรี่ ขายได้ 257,466 คัน อันดับที่เจ็ดเป็นของฮอนด้า ซีวิ ขายได้ 235,452 คัน ฟอร์ด เท็มโป ขายได้ 228,426 คันเป็นอันดับที่แปด อันดับที่เก้านิสสัน เซนตรา ขายได้ 221,292 คัน และจีเอ็มแกรนด์แดม ขายเป็นอันดับสุดท้ายคอ 202,815 คัน จะเห็นว่าใน “ท็อปที่ 10” นี้มีฮอนด้าและฟอร์ดเป็นคู่แข่งที่ขับเคี่ยวกันถึงพริกถึงขิงเผ็ดมันมากที่สุดคือฟอร์ด เทารัส ตามประกบฮอนด้า แอคคอร์ดและฟอร์ด เทมโปตามประกบฮอนด้า ซีวิค เป็นคู่ ๆ ไม่ยอมห่าง และฟอร์ดทำได้สำเร็จหลังจากนั้นเพียงสองปี แอคคอร์ดก็แพ้เจ้าเทารัสไปจนได้โดยที่คนอเมริกาเองก็ไม่คาดฝันจะเป็นไปได้ เมื่อนายโซอิชิโร ฮอนด้าเสนอไปทางกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมต่างประเทศแห่งญี่ปุ่นว่าเขาจะสร้างรถยนต์ฮอนด้าทางกระทรวงค้านว่าญี่ปุ่นไม่ต้องการรถยนต์มากกว่านี้อีกแล้ว
อย่าสร้างขึ้นมาเลยจะตีกันเองเปล่า ๆ แต่เขาไม่สนใจ เริ่มปี 1962 บร็อค เยตส์ ได้เขียนชมเชยว่านอกจากมีควันพิษน้อยที่สุดแล้ว เจ้าหนู “ซีวิค” ยังเป็นรถที่ดีเยี่ยม แข็งและวิ่งทนไม่แพ้เมอร์เซเดส-เบนซ์ และบีเอ็มดับเบิลยูกับพอร์สช แห่งประเทศยุโรปเลย ในปี 1981 มีเสียงบ่นกันทั้งคนญี่ปุ่นและคนอเมริกันว่า สหรัฐอเมริกาไม่มีใครสร้างรถยนต์ดี ๆ ขึ้นมาใช้ มีแต่รถห่วย ๆ นายโซอิชิโรค้านว่าไม่จริงครับในสหรัฐอเมริกามีคนทำได้ เขาจะทำให้สหรัฐอเมริกามีชื่อเองในการตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้า แอคคอร์ดขึ้นที่เมืองแมรีสวิลล์ รัฐโอไฮโอ พอถึงปี 1982 ฮอนด้า แอคคอร์ด “เมด อิน ยูเอสเอ” ก็เผยโฉมออกมาด้วยการสร้างของอเมริกัน ในโรงงานสหรัฐอเมริกา มันมีประสิทธิภาพดีเยี่ยมที่คนอเมริกันภูมิใจที่มันเป็นรถยนต์ที่ผลิตในอเมริกา และอุดหนุนช่วยกันซื้อ ยอดขายมันเพิ่มขึ้นทุกปีจนสร้างแทบไม่ทัน จนถึงปี 1989 ฮอนด้า แอคคอร์ด กลายเป็นแชมป์มียอดจำหน่ายมากสุดในอเมริกาฮอนด้า แอคคอร์ดใช้เวลาการเป็นแชมป์ในสหรัฐอเมริกาเพียง 7 ปีเท่านั้น ไม่น่าเชื่อเลย

วันจันทร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2553

อาหารช่วยลด คอเลสเตอรอล


อาหารช่วยลด คอเลสเตอรอล รู้มั้ยว่าโรคอะไรที่คร่าชีวิตคนมากที่สุดในโลก คำตอบคือ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคนี้ทำเอาพวกบริษัทยาที่ขายยาเกี่ยวกับโรคนี้พากันรวยมากมายมหาศาล และสาเหตุหลักที่สำคัญก็คือภาวะไขมันในเลือดสูง ซึ่งไขมันที่เป็นปัญหาสำคัญก็คือ คอเลสเตอรอล นั่นเอง

ปัจจุบันภาวะไขมัน คอเลสเตอรอล ในเลือดสูงเป็นปัญหาที่สำคัญทีเดียว เพราะมันจะส่งผลไปกระทบต่อระบบหัวใจและหลอดเลือดอย่างมากทีเดียว และถือว่าเป็นภัยเงียบที่ร้ายแรง

จากการผลการศึกษาล่าสุดจากสถาบัน world's premier medical institutions พบว่ามีวิธีการที่สามารถช่วยป้องกันระบบหัวใจและหลอดเลือดให้แข็งแรงและมีสุขภาพที่ดีได้

นักวิจัยได้แนะนำว่ามีปัจจัยความเสี่ยงมากมายที่นำมาพิจารณา โดยใช้ความรู้ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับพื้นฐานของลักษณะของการเสื่อมสลายของระบบหัวใจและหลอดเลือด ปัจจัยที่ไปเพิ่มความเสี่ยงเหล่านี้ประกอบไปด้วย สภาวะสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายต่ำ สภาวะกรดไขมันที่จำเป็นในร่างกายต่ำ ระดับปริมาณเกลือแร่ แมกนีเซียม โปตัสเซียม และระดับที่เพิ่มขึ้นของ homocysteine ในร่างกาย ปัจจัยความเสี่ยงเหล่านี้เป็นสิ่งที่น่าสนใจมากทีเดียว และสิ่งสำคัญมากๆ ก็คือมีวิธีที่ง่ายและปลอดภัยที่จะกำจัดปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ นั่นคือ

การออกกำลังกาย
การลดการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง
รับประทานอาหารเสริม เช่น วิตามิน เกลือแร่ และอาหารต้านอนุมูลอิสระ

คอเลสเตอรอล มีผลกับสุขภาพยังไง ในช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมาเรารับทราบข้อมูลของ คอเลสเตอรอล มามากมายว่ามันมีผลเสียต่อร่างกายโดยมันอาจจะไปอุดตันเส็นเลือด และมันเป็นปัจจัยที่สำคัญที่มีทำให้เกิด โรคหัวใจและหลอดเลือด แต่ทราบหรือไม่ว่า คอเลสเตอรอล เป็นองค์ประกอบที่สำคัญมากต่อสุขภาพของร่างกายทีเดียวเรียกได้ว่าขาดไม่ได้เลย

คอเลสเตอรอล เป็นองค์ประกอบที่สำคัญในเซลเมมเบรน (cell membrane) มันจะช่วยเซลล์ในการทำงานต่างๆ ของร่างกายเช่น คอเลสเตอรอล ช่วยดูดซึมวิตามินที่ละลายได้ในไขมัน (วิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี และ วิตามินเค) และกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกายเข้าสู่เซลล์ คอเลสเตอรอล จะมีส่วนช่วยในขบวนการสร้างฮอร์โมนเพศทั้งชายและหญิง และรวมถึงสเตียรอยด์ฮอร์โมน (steroidal hormones) ซึ่งจะไปเกี่ยวข้องกับสุขภาพที่สำคัญของร่างกายคือระบบภูมิต้านทานของร่างกายและการทำงานที่สมบูรณ์ของระบบฮออร์โมน

คอเลสเตอรอล จะมี 2 ชนิด คือ ชนิดดีและชนิดไม่ดี

ชนิดดีหรือ HDL (High Density Lipoprotein) ชนิดดีนี้จะช่วยร่างกายขับ คอเลสเตอรอล ที่เกินความต้องการออกจากร่างกาย จะได้จากอาหารและร่างกายผลิตขึ้นเพื่อนำไปใช้ ชนิดนี้ยิ่งสูงก็จะดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย
ชนิดไม่ดีหรือ LDL (Low Density Lipoprotein) เป็นชนิดที่เป็นโทษต่อร่างกาย ได้จากอาหารเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์

ดังนั้นเวลาดูค่าหรือระดับของ คอเลสเตอรอล ในร่างกายควรที่จะดูที่สัดส่วนของ HDL กับ LDL จะดีกว่า

เป็นเรื่องที่น่าแปลก จากการศึกษาพบว่ามีจำนวนสัดส่วนที่มากพอสมควรของผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดกลับมีระดับ คอเลสเตอรอล ในร่างกายต่ำหรือเป็นปกติ ชี้ให้เห็นว่าสาเหตุของโรคหัวใจและหลอดเลือดไม่ได้เกิดจากไขมัน คอเลสเตอรอล เองโดยตรง แต่สิ่งที่เป็นผลร้ายกับร่างกายคืออนุภาคออกซิไดซ์ของ LDL หรือ คอเลสเตอรอล ที่ไม่ดีนั่นเอง

นักวิจัยได้ระบุว่ามีอาหารมากมายที่วารสารการวิจัยทางการแพทย์หลายๆ ฉบับระบุว่าช่วยส่งเสริมให้ระบบกาารทำงานของหัวใจและหลอดเลือดแข็งแรงมีสุขภาพดีขึ้นอย่างชัดเจน โดยหากแบ่งตามหน้าที่การทำงานหลักของอาหารเหล่านั้นจะแบ่งได้ 4 กลุ่มหลัก ที่จะช่วยส่งเสริมให้ระบบกาารทำงานของหัวใจและหลอดเลือดมีสุขภาพดีขึ้น

1) อาหารช่วยต้านอนุมูลอิสระ อาหารชนิดนี้จะช่วยป้องกันการเกิดอนุภาคออกซิไดซ์ของ LDL หรือ คอเลสเตอรอล ที่ไม่ดี โดย คอเลสเตอรอล จะกลายเป็นศัตรูร้ายทันทีที่มันเกิดการแตกตัวเป็นอนุภาคออกซิเดชั่น ซึ่งก็จะอาหารที่จะสามารถช่วยลดความเสี่ยงนี้ได้ส่งผลให้อาหารเหล่านี้ช่วยทำให้ระบบกาารทำงานของหัวใจและหลอดเลือดมีสุขภาพดีขึ้น
สารสกัดจากกระเทียม 400-2,000 มิลลิกรัมต่อวัน (หากเป็นแบบไม่มีกลิ่นจะดีกว่า)
วิตามินอี 400-1,200 IU ต่อวัน
สารสกัดจากเมล็ดองุ่น 50-200 มิลลิกรัมต่อวัน
ไวน์แดงสกัด 50-200 มิลลิกรัมต่อวัน
สารสกัดจากชาเขียว 100-300 มิลลิกรัมต่อวัน
CoEnzyme Q10 60-120 มิลลิกรัมต่อวัน
2) อาหารที่ช่วยในเรื่องเกี่ยวการรักษาระดับ homocysteine ในร่างกาย homocysteine เป็นกรดอะมิโนที่ได้จากกระบวนการเมแทบอลิซึม ของกรดอะมิโน methionine และเป็นกรดอะมิโนที่รู้จักกันดีว่ามีพิษต่อผนังเซลล์ของหลอดเลือด ภาวะระดับ homocysteine ในเลือดสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงปัจจัยหนึ่งที่ก่อให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด มีผลการศึกษากว่า 500 การศึกษาที่ได้มีการตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์พบอันตรายของ homocysteine พบว่าการเพิ่มขึ้นของระดับ homocysteine จะส่งผลให้เกิดการเสียชีวิตมากว่าการเพิ่มขึ้นของระดับ คอเลสเตอรอล ถึง 5 เท่าทีเดียว

อาหารที่พบว่ามีส่วนช่วยในเรื่องการรักษาระดับ homocysteine ในร่างกายคือ

วิตามินบี6 50-150 มิลลิกรัมต่อวัน
วิตามินบี12 500-2,000 ไมโครกรัมต่อวัน (ในรูปแบบ methylcobalamin จะให้ผลดีกว่า)
กรดโฟลิค 400-1,000 IU ต่อวัน
Trimethylglycine 100 - 500 มิลลิกรัมต่อวัน

3) อาหารที่ช่วยในเรื่องสัดส่วนหรือระดับของ คอเลสเตอรอล ในร่างกาย ระดับของ คอเลสเตอรอลในร่างกายไม่ได้ตัวชี้วัดที่ดีของสุขภาพของระบบหัวใจและหลอดเลือด สิ่งที่น่าจะเป็นตัวชี้วัดที่ดีน่าจะเป็นอัตราส่วนของ HDL ต่อ LDL มากกว่า ซึ่งอัตราส่วนที่ดีคืออัตราส่วนเท่ากับ 4 หรือน้อยกว่า ส่วนอัตราส่วนที่พอเหมาะคือ 3

อาหารที่พบว่ามีส่วนช่วยในเรื่องการรักษาระดับอัตราส่วนของ คอเลสเตอรอล ในร่างกายคือ

น้ำมันปลาหรือ Fish oil 200-800 มิลลิกรัมต่อวัน (EPA และ DHA)
สารสกัดจากกระเทียม 900 มิลลิกรัมต่อวัน (หากเป็นแบบไม่มีกลิ่นจะดีกว่า)
Tocotrienols 312 มิลลิกรัมต่อวัน
ไฟเบอร์ (Fiber) 20-30 กรัมต่อวัน

4) อาหารที่ช่วยให้ผนังหลอดเลือดแข็งแรงและมีสุขภาพดี มื้ออาหารของคนส่วนใหญ่ที่รับประทานกันในแต่ละวัน มักจะได้รับปริมาณของ วิตามินซี และ ไบโอฟลาโวนอยด์ (Bioflavonoid) ไม่เพียงพอต่อการเสริมสร้างผนังหลอดเลือดให้แข็งแรงและมีสุขภาพดีได้ ซึ่งทั้ง วิตามินซี และ ไบโอฟลาโวนอยด์ เป็นสารที่สำคัญอย่างมากต่อการสร้าง คอลลาเจน (Collagen) ซึ่งเป็นโปรตีนที่สำคัญต่อความแข็งแรงของผนังหลอดเลือด

มีสารอาหารอยู่ชนิดหนึ่งคือ เปลือกสนสกัด (เฉพาะเปลือกสนที่สกัดจากเปลือกของต้นสนในประเทศฝรั่งเศสเท่านั้น) ซึ่งมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลที่แรงทีเดียว ดังนั้นเปลือกสนสกัดจึงสามารถช่วยลดความเสี่ยงด้านสุขภาพที่เกี่ยวกับการทำลายของอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้เปลือกสนสกัดน่าจะมีประโยชน์อย่างมากต่อระบบหัวใจและหลอดเลือดทั้งระบบทีเดียว โดยมันจะไปช่วยป้องกันการเกิดการเกาะกลุ่มกันของเกล็ดเลือดที่เกิดจากการสูบบุหรี่หรือความเครียด

อาหารที่ช่วยให้ผนังหลอดเลือดแข็งแรงและมีสุขภาพดีคือ
วิตามินซี 500-2,000 มิลลิกรัมต่อวัน
ไบโอฟลาโวนอยด์ (Bioflavonoid) 100-500 มิลลิกรัมต่อวัน
เปลือกสนสกัด 50-200 มิลลิกรัมต่อวัน

โดยสรุปสำหรับผู้ที่ต้องการมีสุขภาพที่ดีลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด และต้อการมีระบบหัวใจและหลอดเลือดที่แข็งแรงก็ควรจะปฏิบัติตัวง่ายๆ ดังนี้คือ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การลดการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง และรับประทานอาหารเสริมที่ช่วยบำรุงระบบหัวใจและหลอดเลือด เช่น วิตามิน เกลือแร่ และอาหารต้านอนุมูลอิสระ

10 health tips

1. สำรองผลไม้ในตู้เย็นผักผลไม้ที่ควรสำรองในตู้เย็นอย่าให้ขาด ได้แก่ กะหล่ำปลี แครอท ส้มแอปเปิ้ล ซึ่งนอกจาก จะมีประโยชน์มากสำหรับสาว ๆ ที่กำลังไดเอตแล้วการรับประทานผักผลไม้เป็นประจำยังช่วยลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้อีกด้วยนะ
2. เหงือกดีด้วยน้ำชายามเช้าองค์การอาหารและยาของสหรัฐและสวีเดน บอกว่า การบ้วนปากในช่วงเช้าด้วยน้ำชา จะช่วยลด แบคทีเรียในช่องปากได้เนื่องจากสารโพลีฟีนอลจะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ที่เป็นต้นเหตุ ของ ฟันผุส่วนการดื่มชาหลังมื้ออาหาร ก็ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเหงือกได้
3. ดื่มน้ำมากขึ้นดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 5 แก้ว จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้ เกือบ 50 %เชียวล่ะ
4. เปลือยเท้าคลายเครียดการย่ำเท้าเปล่า ไปบนทรายนุ่ม ๆ จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายเนื่องจากการเดินเท้าเปล่า จะช่วย กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
5. รับแสงแดดอ่อน ๆมีข้อมูลจากการวิจัยระบุว่าผู้หญิงที่ไม่ค่อยโดนแดดเอาเสียเลยมีโอกาสที่จะเป็นมะเร็งเต้านมมากกว่าผู้หญิงที่อยู่ในเมืองที่มีแดดเนื่องจากแสงแดดช่วยสังเคราะห์วิตามินดีในร่างกายแต่การโดนแดดจัดในช่วงบ่าย ๆ ก็เป็นอันตรายเช่นกัน ควรรับแดดอ่อน ๆในช่วงเย็นจะดีกว่า
6. หันมารับประทานขนมปังโฮลวีทกันเถอะสำหรับมื้อว่างยามบ่าย แทนที่จะไปคว้าคุ๊กกี้หรือเค็กช็อกโกแลตซึ่งเพียบด้วยแคลอรี่ เปลี่ยนมาทาน ขนมปังโฮลวีทสัก 2 แผ่นรับรองว่า จะช่วยให้คุณรู้สึกมีกำลังวังชาแล้วยังไม่อ้วนอีกด้วยล่ะ
7.สลัดปลาทูน่าเพิ่มความจำใครที่รู้ตัวว่า เริ่มจะหลง ๆ ลืม ๆ ลองหันมาทานสลัดปลาทูน่าหรืออาหารเมนูปลา รวมทั้ง เพิ่มอาหารที่มีวิตามินบี2 เช่น ไข่ นมถั่วเหลือง นอกจากจะช่วยให้อารมณ์ดีแล้ว ยังช่วยเพิ่มพลังความจำให้กับสมองได้
8. เดินไวไว ช่วยทำให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรงคนที่ไม่ค่อยมีเวลาออกกำลังกาย แต่ยังห่วงใยสุขภาพของตัวเองอยู่ลองใช้วิธีเดินให้ไวขี้นอีกนิด อาจใช้เวลาเดินในช่วงเช้า หรือหลังเลิกงาน เดินไปที่ป้ายรถเมล์สักสามสี่ป้ายหรือเดินขึ้นลงบันไดให้ได้ วันละ 20 นาทีจะช่วยบริหารหลอดเลือดหัวใจให้แข็งแรงและยังทำให้หุ่นสลิมสมส่วนเป็นของแถม
9. เติมไขมันดี ๆ ให้ร่างกายไขมันนั้น ไม่ได้เป็นผู้ร้ายซะทีเดียว เพระไขมันมีอยู่หลายชนิดไขมันที่เป็นมหามิตรกับร่างกายน่ะ หากร่างกายขาดแคลนอาจมีผลต่อการดูดซึมวิตามินเอ ดี อี เค และทำให้รู้สึกอ่อนเพลียได้เลือกรับประทานอาหารที่มีไขมันชนิดไม่อิ่มตัว จากน้ำมันมะกอก น้ำมันถั่ว และไขมัน โอเมก้า 3 จากปลา ซึ่งเป็นไขมันดี ๆ ที่ไม่เพียงให้ พลังงานทำให้มีเรี่ยวแรงแล้ว ยังช่วยป้องกันโรคมะเร็งและหัวใจอีกด้วย
10. Just Do Nothingลองหยุดภารกิจวุ่น ๆ สักสัปดาห์ละวัน หรือวันละ 1 ชั่วโมงให้ปลอดจากเรื่องงาน และคนรอบข้าง ใช้เวลาอยู่คนเดียวตามลำพังจะช่วยทำให้คุณรู้สึกสงบ เป็นเวลาที่จะได้เรียนรู้วิธีหยุดพักใจอาจจะฟังเพลง เงียบ ๆ คนเดียว หรืออาบน้ำอุ่น ๆแล้วอ่านหนังสือเล่มโปรด ค่อย ๆ จิบน้ำชา ชมดอกไม้เป็นการเติมความรื่นรมย์ด้านจิตใจ ทำให้คุณสดชื่นและมีความสุขอย่างไม่น่าเชื่อ และยังห่างไกล จากโรคความรีบร้อนอันหมายถึง โรคที่ทำให้คุณตื่นตัว และเร่งรีบจนแทบไม่มีเวลาสำหรับตัวเอง